ย้ายบ้านสู่ Biophilic Design ผสานธรรมชาติเข้ากับที่อยู่อาศัย
ไอเดียแต่งบ้านแบบธรรมชาติ สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนย้ายบ้านใหม่
เพราะ ‘บ้าน’ อยู่อาศัยคือสถานที่ที่หลายคนคาดหวังว่าจะต้องเป็นสถานที่แห่งความสุขสงบร่มเย็น หลายคนจึงมักจะออกแบบและตกแต่งบ้านให้ดูอบอุ่นสบายตา จะด้วยจากสีสันที่ใช้ในบ้านไปจนถึงวัสดุที่ทำเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงการนำต้นไม้หรือไม้ดอกไม้ประดับมาปลูกไว้ภายในและนอกบ้าน ฉะนั้น ไม่ว่าคุณกำลังจะย้ายบ้านหรือสร้างบ้านหลังใหม่ และกำลังมองหาสไตล์การแต่งบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติ อบอุ่น แต่ก็ดูทันสมัย Biophilic Design น่าจะเป็นไอเดียที่ดีของคุณ
Biophilic Design คืออะไร?
Biophilic Design คือแนวคิดการออกแบบที่เน้นการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติกับบ้านที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยมีแนวคิดนี้มีมาจากทฤษฎีของ Biophilia ของนักชีววิทยา Edward O. Wilson เมื่อปี 1984 ที่เชื่อว่ามนุษย์มีความต้องการทางธรรมชาติในการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ โดยหลักการของ Biophilic Design ประกอบไปด้วย
- การนำธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ของบ้านในรูปแบบต่างๆ เช่น พืชพรรณของต้นไม้ต่างๆ , น้ำหรือแสงธรรมชาติ
- การใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หินหรือวัสดุ เข้ามาใช้ในการตกแต่งบ้าน
- การสร้างพื้นที่ของการย้ายบ้านใหม่ให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในธรรมชาติ เช่น มีพื้นที่เปิดโล่งรับแสงแดดหรือลมได้ดี และมีพื้นที่สีเขียวอยู่ทั้งภายนอกและภายในบ้าน
- การใช้รูปแบบและลวดลายจากธรรมชาติในการตกแต่งบ้าน เช่น รูปทรงของใบไม้ หรือรูปแบบการจัดเรียงของหิน เป็นต้น
การประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ในการออกแบบก็ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2019 ถึง 2021 Pinterest Business บันทึกการค้นหา "ห้องนอนที่ออกแบบตามแนวคิด Biophilic เพิ่มขึ้น 100% นอกจากนั้น การศึกษาวิจัยของบริษัทปูพื้นระดับโลกอย่าง Interface พบว่าผู้คนใช้เวลาในล็อบบี้โรงแรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Biophilic Design นานกว่าล็อบบี้ธรรมดาถึง 11% (https://www.architecturaldigest.com/story/biophilic-design-ideas-on-a-budget) เพราะการออกแบบตกแต่งด้วยแนว Biophilic Design สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย, ลดความเครียด, เพิ่มความสามารถในการทำงานและการเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้
7 วิธีย้ายบ้านสู่ Biophilic Design ให้เข้ากับที่อยู่อาศัยสามารถทำได้ดังนี้
- เลือกทำเลของบ้านที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ : การเลือกทำเลสร้างบ้านที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ จะช่วยให้คุณได้รับความสงบสุขและความผ่อนคลายจากธรรมชาติ เช่น บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้กับป่า, ภูเขา, แม่น้ำหรือทะเล ก็จะทำให้คุณสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และบรรยากาศร่มรื่นได้ง่ายมากขึ้น แม้กระทั่งการสร้างบ้านในพื้นที่เกษตรกรรม สำหรับผู้ที่อาศัยในเมืองหลวงอาจจะต้องเลือกย้ายบ้านที่ใกล้กับสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวเยอะหน่อย ก็จะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งแวดล้อมที่สวยงามของธรรมชาติได้มากขึ้น
- การเพิ่มแสงธรรมชาติและการระบายอากาศ : การเพิ่มแสงธรรมชาติและการระบายอากาศในบ้านไม่เพียงแค่ทำให้บ้านสบายขึ้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานและส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การติดตั้งกระจกและหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นถึงเพดานและโปร่งแสง จะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากขึ้น หรือติดตั้งช่องแสงบนหลังคาเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องถึงพื้นที่ภายในบ้านได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงติดตั้งหน้าต่างบานเกล็ดหรือบานเปิดจะช่วยให้สามารถระบายอากาศได้ดีขึ้น ที่สำคัญคือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้ขวางทางแสงที่จะเข้ามาในห้อง
- นำต้นไม้เข้ามาตกแต่งในบ้าน : การย้ายบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ที่อาจจะไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากนัก เราก็สามารถสร้างพื้นที่บ้านให้สอดคล้องกับแนวคิด Biophilic Design ได้โดย จัดมุมสวนในร่มด้วยไม้ประดับหลากหลายชนิดหรือการสร้างผนังต้นไม้และสวนแนวตั้ง จะสร้างบ่อน้ำหรืออ่างปลาในพื้นที่ว่างบริเวณรอบนอกของบ้านด้วยก็ยิ่งดี แล้วเพิ่มเติมอีกนิดโดยการตกแต่งภายในบ้านด้วยกระถางต้นไม้พันธุ์ที่สามารถปลูกในบ้านได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น
- การใช้วัสดุจากธรรมชาติในการตกแต่งบ้าน : หากคุณได้ย้ายบ้านใหม่และมีเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้อยู่แล้ว คุณอาจจะเลือกใช้วิธีการ Upcycling เฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น ใช้ผ้าฝ้าย ลินิน หรือขนสัตว์ในการคลุมตกแต่งโซฟาหรือหมองอิงอันเก่า ซึ่งการ Upcycling สิ่งของยังเป็นการลดภาระของสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณต้องการจะซื้อของตกแต่งบ้านใหม่ ก็ให้เลือกวัสดุที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ไม้ อิฐและหิน ร่วมกับรูปทรงโค้งมน ช่วยให้บ้านของคุณดูมั่นคงและสมบูรณ์แบบสอดคล้องกับธรรมชาติมากขึ้น
- การใช้สีและลวดลายจากธรรมชาติ : บ้านที่สร้างใหม่หรือเป็นการย้ายบ้านไปหลังใหม่ให้เลือกทาสีผนังด้วยโทนสีธรรมชาติ เช่น เขียวใบไม้ ฟ้าท้องฟ้าหรือน้ำตาลของพื้นดิน นอกจากนั้นยังสามารถเลือกเป็นวอลล์เปเปอร์หรือผ้าม่านลายใบไม้หรือดอกไม้เสริมได้อีกด้วย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านอาจจะเลือกเป็นลวดลายของวัสดุ เช่น ไม้และหินอ่อน สะท้อนถึงความไม่เรียบของโลกภายนอก และช่วยทำให้เส้นตรงของการออกแบบภายในดูนุ่มนวลลงได้อีกด้วย
- สร้างเสียงและกลิ่นธรรมชาติในพื้นที่บ้าน : เช่นการติดตั้งน้ำพุขนาดเล็กหรือน้ำตกจำลองเพื่อให้มีน้ำอยู่บริเวณบ้าน อาจจะเพิ่มเติมการใช้ม่านไม้ไผ่ที่ส่งเสียงเมื่อลมพัด หรือการใช้กลิ่นจากธรรมชาติโดยการใช้น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรหรือกลิ่นจากดอกไม้หอม ในการสร้างบรรยากาศภายในบ้านหรือมุมที่คุณอยากใช้เป็นโซนสำหรับผ่อนคลาย อย่างมุมอ่านหนังสือใกล้หน้าต่างที่มองเห็นวิวธรรมชาติได้ เป็นต้น
- ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ : สำหรับบ้านใหม่ที่ไม่ว่าคุณจะเพิ่งสร้างหรือย้ายบ้านมาใหม่และอยากจะมีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ นอกจากการออกแบบตกแต่งบ้านที่ใช้ทั้งสีและวัสดุจากธรรมชาติแล้ว การสร้างพื้นที่รอบๆ บ้านให้มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ เช่น ผีเสื้อ, นกหรือกระรอก ที่อยู่บริเวณรอบๆ ของบ้านคุณ ก็จะช่วยให้บ้านของคุณดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่การจะนำสัตว์เหล่านี้เข้ามาที่บ้านได้นั้น จะต้องเริ่มจากการสร้างที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารให้พวกมันซะก่อน
เริ่มต้นจากการปลูกต้นไม้และพืชที่มีดอกสวยงามและมีน้ำหวาน เช่น บานไม่รู้โรย, ดอกเข็ม, ผกากรองที่มีสีสันสวยงามและมีน้ำหวาน หรือปลูกพืชที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์เหล่านี้ เช่น มะม่วง, มะละกอ, กล้วย เป็นต้น แต่การปลูกพืชใดๆ จะต้องแน่ใจว่าได้รับแสงแดดเพียงพอ เนื่องจากผีเสื้อชอบบริเวณที่มีแสงแดด นั่นเอง
การสร้างบ้านนกในบริเวณบ้าน คุณจะต้องเลือกติดตั้งบ้านนกในที่เงียบสงบ ห่างจากการรบกวนให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2-4 เมตร โดยใช้ไม้ธรรมชาติที่ไม่ผ่านการทาสีหรือเคลือบสารเคมี ทำช่องเข้าบ้านนกให้มีขนาดพอเหมาะกับชนิดของนก เช่น ขนาด 3-4 เซนติเมตรสำหรับนกกระจอก และพื้นบ้านนกควรมีรูระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขังและรักษาความแห้งภายในบ้านนกด้วย
และทั้งหมดนี้คือการย้ายบ้านและการสร้างบ้านแบบ Biophilic Design ที่ไม่เพียงแต่สร้างความสวยงามให้กับที่อยู่อาศัย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ ช่วยลดความเครียด เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี การผสานธรรมชาติเข้ากับบ้านใหม่ของคุณจะช่วยสร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ ทำให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่คุณอยากกลับมาและใช้เวลาอยู่อย่างมีความสุข แต่สิ่งสำคัญคือการจะทำการใดๆ กับบ้านของคุณ จะต้องคำนึงถึงการรบกวนกับพื้นที่รอบข้างหรือข้างบ้านหรือไม่ เพื่อไม้ให้ไปรุกรานความสงบสุขของผู้อื่นด้วย นั่นเอง
และหากว่าคุณกำลังมีแผนจะย้ายบ้าน Good Move Professional Mover เรามีบริการที่ตอบสนองความต้องการในการขนย้ายของคุณ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมพันธมิตรของเรา เพื่อมอบประสบการณ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับคุณ